ภาษาปาสคาลสร้างขึ้นเพื่อใช้สอนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้เป็นระบบและมีระเบียบเป็นโครงสร้างเนื่องจากเป็นภาษาที่มีรูปแบบง่าย
ต่อความเข้าใจ เขียนเป็นโปรแกรมได้เร็วแก้ไขปรับปรุงง่าย ผู้สร้างภาษานี้คือ ดร.เวียร์ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2514 ซึ่งหลังจากออกแบบแล้ว
ได้มีผู้นำไปเขียนเป็น โปรแกรมตัวแปร (COMPILER) โดยที่ตัวแปรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ TURBO PASCAL ของบริษัทบอร์แลนด์
และปัจจุบันได้ถูกพัฒนาไปเรื่อยๆ
ในอดีตภาษาคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าฟอร์แทรนและโคบอลเป็นภาษาที่นิยมให้มากที่สุด ภาษาซอร์แทรนพัฒนาขึ้นใช้ในปี พ.ศ. 2499 เป็นภาษาที่ใช้เพื่อประยุกต์
งานด้านตัวเลขได้ดีเยี่ยม ส่วนภาษาโคบอลพัฒนาขึ้นในปี พ.ศ. 2502 มุ่งใช้งานด้านประมวลผลธุรกิจ สำหรับภาษาปาสคาลได้รับการพัฒนาขึ้นในปี พ.ศ. 2513
โดย นิเคลาส์ เวียร์ธ(Niklaus Wirth) แห่งเทคนิเคิล ยูนิเวอร์ซิตี้ ในเมืองซูริค ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายในปัจจุบันและจะนิยมกันมาก
ในอนาคต จุดประสงค์ของการใช้ภาษาปาสคาลเบื้องแรกก็คือ ฝึกนิสัยการเขียนโปรแกรมให้มีระเบียบระบบหรือฝึกการเขียนโปรแกรมโครงสร้าง ภาษาปาสคาลเป็น
ภาษาที่ออกแบบขึ้นให้มีความง่ายต่อการทำงาน การเข้าใจและการใช้ ปาสคาลเป็นชื่อของนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชื่อว่า Blaise Pascal ซึ่งได้คิดเครื่องคำนวณ
ระบบกลไกขึ้นเป็นคนแรกจึงได้รับเกียรติให้ตั้งเป็นชื่อภาษาคอมพิวเตอร์ซึ่งเวียร์ธเป็นผู้สร้างภาษานี้ขึ้น ใช้กันกว้างขวางในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพื่อสอนการเขียน
โปรแกรมโครงสร้าง และใช้เป็นภาษาเอนกประสงค์(general purpose) ซึ่งประยุกต์ใช้ได้ทั้งคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่และไมโครคอมพิวเตอร์โปรแกรมง่าย ๆ
โปรแกรมภาษาปาสคาลที่สมบูรณ์และง่ายที่สุดจะต้องเป็นดังนี้
PROGRAM MyfirstProgram(OUTPUT):
BEGIN
WRITELN(‘This is my program);
END.
โครงสร้างของโปรแกรมปาสคาล
โครงสร้างของโปรแกรมประกอบด้วยการตั้งหัวเรื่อง โดยการตั้งชื่อของโปรแกรมขึ้นเองในบรรทัดแรกด้วยคำว่า
PROGRAMMyfirstProgram คำว่าBEGIN เป็นส่วนที่แสดงจุดเริ่มต้นของโปรแกรม ในทางตรงกันข้าม
END. แสดงว่าเป็นส่วนของโปรแกรมที่สิ้นสุดการทำงาน และเมื่อจั่วหัวโปรแกรมจะตามด้วยชื่อโปรแกรมที่เราตั้งเอง แล้วตาม
ด้วยเครื่องหมาย ; สรุปได้ว่าโครงสร้างของโปรแกรมเป็นดังนี้ ในขั้นแรก
ไปดูโครงสร้างของการเขียน pascal
โครงสร้าง pascal |
program ...; var ...
begin
end. |
program เป็นส่วน ตั้งชื่อของโปรแกรมเพื่อให้รู้ว่าคือโปรแกรมอะไร ท้ายของชื่อ ให้เขียน ; (semi-colon) เพื่อเป็นการจบคำสั่ง ส่วนนี้เราจะเขียนหรือไม่ก็ได้ เพราะส่วนนี้เป็นเพียงชื่อเท่านั้น |
program myprogram; var ...
begin
end.
ในเรื่องของตัวแปร ( variable )
การประกาศตัวแปรให้ เริ่มด้วย var
ตามด้วย
ชื่อของตัวแปร : ชนิดของตัวแปร ; |
( ส่วนประกอบของตัวแปร ) |
ที่ต้องมี การกำหนด ชนิดตัวแปรไว้หลายประเภทนี้ ก็เพื่อสะดวกในการใช้
งานเช่น integer ก็ไว้สำหรับตัวแปรตัวเลขที่ใช้คำนวณ ส่วน string ก็ใช้จัดการ
ข้อมูลตัวอักษรเพื่อความเหมาะสม คือ เมื่อเราประกาศตัวแปรแล้ว โปรแกรมจะ
ทำการจองหน่วยความจำ ให้กับตัวแปรหากเราใช้ ชนิดตัวแปรให้กว้างที่สุดแบบ
เดียวกันหมด.. ก็อาจจะกินหน่วยความจำมากเกินไปก็เลยกำหนดไว้หลายประเภท
เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของข้อมูล
ตัวอย่าง myname : string ; yourname : string ; age : byte ; money : word ;
* ในการตั้งชื่อตัวแปร * ควรตั้งชื่อ ที่สื่อความหมายได้ดี เพื่อสะดวกในการแก้ไขโปรแกรม
|
begin
end. ส่วนนี้มีไว้สำหรับ สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน |
program myprogram;
- var
- a : integer ;
- b : string ;
- c : char ;
begin
write(' this is my first program') ;
end. |
คำสั่งพื้นฐานที่จะต้องทำความรู้จักก็คือ
write( ) ;ใช้สำหรับสั่งให้แสดงตัวอักษรบนจอ โดยใช้ร่วมกับเครื่องหมาย ' ... '
หรือจะใช้ตัวแปร ช่วยในการแสดงตัวอักษรก็ได้
หลังจากเขียนโปรแกรมนี้เสร็จให้ลอง Compile โดย กด Ctrl+F9
ตามด้วย Alt+F5 เพื่อดูผลลัพธ์
โครงสร้างขั้นพื้นฐาน
เป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้ค่ะ ได้แก่
1. ส่วนประกาศตัวแปร ( var .. )
2. ส่วนการทำงาน ( begin .. ไปถึง end.)แต่ความจริงยังมีส่วนประกอบ อีกหลายส่วน เช่น การประกาศค่าคงที่ การเรียกยูนิตมาใช้การ
เขียน โพรซีเจอร์ และฟังชั่นการประกาศตัวแปร local และ global
ลักษณะการใช้ถ้อยคำและชื่อในภาษาปาสคาลมี2 ลักษณะ
1. คำสงวน (Reserved word) คือชื่อต่าง ๆ ที่มีความหมายอย่างเดียวกันเสมอไม่ว่าจะเขียนขึ้นที่ใดของโปรแกรม เป็นคำหรือชื่อที่นิยาม
ไว้เป็นการเฉพาะ เช่น คำที่เขียนว่า BEGIN END REPEAT DIVเป็นต้น
2. ชื่อที่ตั้งขึ้น (identifier) คือชื่อต่าง ๆ ที่ผู้เขียนโปรแกรมตั้งขึ้นเพื่อจะระบุถึงตัวแปรที่จะเก็บไว้ในหน่วยความจำเพื่อช่วยเตือนความทรงจำ
ของผู้เขียนโปรแกรมว่าชื่อที่ตั้งขึ้นมีจุดประสงค์ที่จะใช้ในโปรแกรมอย่างไร ดังนั้นจึงนิยามขึ้นมาเฉพาะในแต่ละโปรแกรม ความหมายของชื่อ
จึงเปลี่ยนไป ชื่อที่ตั้งขึ้น(identifier) จะต้องด้วยตัวอักษรแล้วตามด้วยศูนย์ หรือตัวอักษรหรือตัวเลขเท่านั้น และต้องเขียนทุกตัวติดกันหมด
เช่น CURRENTSCORE,Y12,MY_BIRTH_DAY, NCC1997 เป็นต้น จำนวนตัวอักษรหรือความยาวของชื่อเขียนได้โดยไม่จำกัด แต่
คอมไพเลอร์บางตัวจะใช้อักขระเพียง 8 ตัวแรกเท่านั้น นิยมใช้ชื่อที่สื่อความหมายในสิ่งที่เราหมายถึงโดยใช้คำสั้น ๆ แทนข้อความที่สมบูรณ์
กฎเกณฑ์ของซีนเท็กซ์ (syntax) คือกฎที่นิยามโครงสร้างของภาษา ภาษาที่เราใช้ในการเขียนโปรแกรมมนุษย์สามารถ
เข้าใจความหมายได้แต่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเข้าใจเว้นแต่โปรแกรมปาสคาลนี้จะต้องถูกแปลหรือคอมไพล์ให้เป็นภาษาเครื่อง
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น